Tuesday, October 8, 2024

ชวนบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

  



ความเป็นมาของการบริจาคโลหิตในไทย เกิดขึ้นในปี 2495 สภากาชาดไทยได้ดำเนินการจัดตั้ง ‘แผนกบริการโลหิต’ ขึ้นในกองวิทยาศาสตร์ และเริ่มมีการผลิตน้ำยา ACD บรรจุในขวดแก้ว โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต เป็นผู้บริจาคโลหิตหมายเลข 1 ของไทย

.


ในปัจจุบันแม้มีประชาชนบริจาคโลหิตไม่น้อย แต่ปริมาณเลือดในคลังเลือดยังมีความต้องการอยู่ จึงก่อให้เกิด ‘โครงการรวมน้ำใจ บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567’ และเชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิตได้ที่สภากาชาดไทย

.


การบริจาคโลหิตในแต่ละครั้ง สามารถบริจาคได้ครั้งละ 350-450 ซีซี หรือคิดเป็นร้อยละ 10-12 ของปริมาณโลหิตทั้งหมดในร่างกาย ทั้งนี้ประโยชน์ของการบริจาคโลหิตคือ ช่วยกระตุ้นการทำงานของไขกระดูกในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้ทราบหมู่โลหิตของตนเองในระบบ A B O และ Rh ช่วยให้มีระบบไหลเวียนโลหิตที่ดี และได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทำให้ผู้บริจาคมีความสุขในการเป็นผู้ให้

.


เลือด 1 ยูนิตจะเข้าสู่กระบวนการปั่นแยก เม็ดเลือดแดงจะอยู่ก้นถุง เกล็ดเลือดอยู่กลางถุง และพลาสมาอยู่ชั้นบนสุดของถุง ซึ่งจะถูกเก็บรักษาด้วยวิธีการต่างกันไป โดยเลือดที่เราบริจาค 1 ครั้ง สามารถช่วยได้ถึง 3 ชีวิต


แต่การบริจาคโลหิตในแต่ละครั้งต้องมีการคัดกรอง โดยผู้บริจาคต้องไม่เข้าข่ายดังต่อไปนี้

- หากถูกเข็มเปื้อนเลือดตำให้เว้นบริจาคเลือด 1 ปี

- หากมีคนในครอบครัวเป็นตับอักเสบให้เว้น 1 ปี

- หากถูกควบคุมตัวหรือจองจำในเรือนจำมากกว่า 72 ชั่วโมง ให้เว้น 1 ปี 

- ผู้ที่เข้าไปในพื้นที่มาลาเรียชุกชุมให้เว้น 1 ปี หากเป็นโรคมาลาเรียให้เว้น 3 ปี

- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ให้งดบริจาคจนกว่าจะทราบสาเหตุ 

- ผู้ที่เคยพำนักอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ สามารถบริจาคโลหิตชนิด Whole Blood โดยโลหิตบริจาคที่ได้ต้องถูกนำไปผลิตส่วนประกอบโลหิตชนิดลดเม็ดเลือดขาวเท่านั้น (leukocyte-depleted) โดยที่

ผลิตภัณฑ์เม็ดเลือดแดง (LDPRC) สามารถนำไปให้ผู้ป่วยได้ แต่หากเคยป่วยหรือมีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรค CJD(โรควัวบ้า) ให้งดบริจาคถาวร 

.


ทั้งนี้หากเป็นผู้บริจาคโลหิต นอกจากจะได้เป็นผู้ให้แล้ว เรายังได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

- ผู้บริจาคโลหิต 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพิเศษ และค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50 

- ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล 100% ค่าห้องพิเศษและค่าอาหารได้ร้อยละ 50 

- ผู้บริจาคโลหิต 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ ‘ขอพระราชทานเพลิงศพ’ ได้เป็นกรณีพิเศษ 

- ผู้ที่มาบริจาคโลหิตจะได้รับเข็มกลัดที่ระลึก สำหรับคนที่มาบริจาคโลหิตครบ 50 ครั้ง จะได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้น 3 พร้อมใบประกาศกำกับเหรียญกาชาดสมนาคุณ 

- หากบริจาคเลือดครบ 75 ครั้ง ก็จะได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้น 2 พร้อมใบประกาศกำกับเหรียญกาชาดสมนาคุณ 

- หากบริจาคโลหิตครบ 100 ครั้ง จะได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้น 1 พร้อมใบประกาศกำกับเหรียญกาชาดสมนาคุณ

.

ผู้ต้องการบริจาคโลหิตควรศึกษาข้อมูล ดูแลร่างกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

.

Thursday, October 3, 2024

ดีป้า ลุยต่อกิจกรรม Coding Inspire กระตุ้นเยาวชนเข้าถึงโค้ดดิ้งเท่าเทียมและทั่วถึง ภายใต้ โครงการ Coding for Better Life ‘สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย’

 


1 ตุลาคม 2567, กรุงเทพมหานคร – ดีป้า สานต่อจัดกิจกรรม Coding Inspire ภายใต้ โครงการ Coding for Better Life ‘สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย’ - จำลองห้องเรียนโค้ดดิ้ง สู่ Coding Classroom Showcase และ Workshop เข้มข้น เติมทักษะ Coding เสริมแรงบันดาลใจในการพัฒนาทักษะโค้ดดิ้งคนทุกวัย ใน 4 จังหวัด นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ต่อด้วย กรุงเทพมหานคร และ เชียงใหม่

นายจักกนิตต์ คณานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เป็นประธานเปิดกิจกรรม Coding Inspire กรุงเทพมหานคร กิจกรรมภายใต้โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารสถานศึกษา ครู และ นักเรียน เข้าร่วมกิจกรรม ณ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์


นายจักกนิตต์ กล่าวว่า ดีป้า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะโค้ดดิ้งแก่เยาวชนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อวางรากฐานทักษะดิจิทัลแห่งอนาคตให้แก่เยาวชน ตลอดจนบรรเทาปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัล


ของประเทศในระยะยาว สำหรับโครงการ Coding for Better Life ‘สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย’ ดีป้า ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 มีโรงเรียนผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจากทั่วประเทศทั้งสิ้น 1,500 แห่ง ซึ่งโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนั้น ดีป้า ได้ร่วมยกระดับห้องเรียนโค้ดดิ้ง สนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอน ควบคู่กับการยกระดับทักษะการสอนโค้ดดิ้งคุณครู และได้เข้าร่วมกิจกรรม Coding Bootcamp ที่ให้ครูและนักเรียนได้เติมเต็มศักยภาพ สร้างสรรค์ผลงานโค้ดดิ้ง และได้ประลองฝีมือเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของทีมโค้ดดิ้งประเทศไทยในการแข่งขัน Coding War ที่แข่งขันเสร็จสิ้นไปเมื่อ 15 กันยายน ที่ผ่านมา สำหรับกิจกรรม Coding Inspire นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะกระตุ้นการสร้างการตระหนักรู้สำหรับเยาวชน บุคลากรทางการศึกษา และ ประชาชนทั่วไปให้เห็นถึงความสำคัญของทักษะโค้ดดิ้งอย่างทั่วถึง

“กิจกรรม Coding Inspire ครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมรอบที่ 3 กรุงเทพมหานคร หลังจากได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกิจกรรมในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช และภาคอีสาน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งกิจกรรม Coding Inspire  แบ่งรูปแบบงานออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย Coding Classroom Showcase นิทรรศการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นการจำลองห้องเรียนโค้ดดิ้งในโรงเรียนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการฯ โดยมีบอร์ดความรู้โค้ดดิ้ง โชว์เคสเพื่อเปิดประสบการณ์ด้านดิจิทัล และ การบรรยายพิเศษในหัวข้อ Introduction to Coding with Micro Bit, สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าแรงบันดาลใจสร้างคนดิจิทัล, Robotic Coding with Micro Bit, Natural Language Processing with Micro Bit และ IoT Coding with Micro Bit ณ โซน MUNx2 ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ สำหรับอีกส่วนเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ "Workshop Swift Coding Club” ณ โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น” นายจักกนิตต์ กล่าว


สำหรับกิจกรรม Coding Inspire จะจัดขึ้นอีก 1 ครั้ง รอบจังหวัดเชียงใหม่ ณ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ลานกิจกรรม ชั้น G และ ห้องสุพรรณิการ์ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์น

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือติดตามรายละเอียดและข่าวสารต่าง ๆ ของโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ได้ทาง www.depa.or.th , codingforbetterlife.com และเฟซบุ๊กเพจ depa Thailand และ CodingThailand by depa

Tuesday, September 24, 2024

Schedule of The 20th International Congress on Luobing Theory Overseas Forum หรืองานสัมนาวิชาการเกี่ยวกับโรคจากเส้นลมปราณนานาชาติ ครั้งที่ 20

 

ซึ่งโดยโครงสร้างหลักจะเป็นการจัดให้มีการสัมมนาและจัดการประชุมในวาระโรคจากเส้นลมปราณหรือโรคลั่วระดับนานาชาติใน โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์จัดขึ้น

: เพื่อส่งเสริม การควบคู่กับพัฒนาการแพทย์แผนจีนในประเทศไทย

: เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ของโรคที่เกี่ยวกับเส้นลมปราณ หรือการรักษาโรคหรือการบรรเทาการโรคที่เกี่ยวกับเส้นลมปราณ ซึ่งมีขั้นตอนการรักษาหรือบรรเทาอาการเป็นหลักสูตรที่ชัดเจน

 


ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในโลก นอกเหนือจากจีนที่ออกกฎหมายการแพทย์แผนจีน ซึ่งถือการแพทย์แผนจีนได้รับความนิยมอย่างในประเทศไทย



โดยผู้ที่เข้าร่วมงานสัมมนาในวาระนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในวงการแพทย์ของไทยและระดับนานาชาติรวม กว่า 13 ชาติ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ 

รวมไปถึงอาจารย์และนักวิชาการด้านการแพทย์แผนจีนจากประเทศจีนและไทย เภสัชกร ร่วมด้วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมและคณะ เข้าร่วมการประชุมในวาระนี้ด้วย

คุณธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ 

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข

และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ได้รับความสนใจภายในงานนี้คือผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพ “ริมลอค”  นวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมการดูแลทั้งระบบเลือด หัวใจ รวมไปผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ซึ่งส่งผลให้เกิดหลายอาการที่พบว่าเป็นปัญหาได้บ่อยกับคนในหลายกลุ่มวัยในปัจจุบัน อาทิ อาการนอนไม่หลับ ใจสั่น หายใจลำบาก อ่อนแรง เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย เหงื่อออกตอนกลางคืน เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะเป็นอีกทางเลือกให้กับประชาชน

นอกจากนี้ภายในงานยังมีให้จัดแสดงข้อมูลด้านนวัตกรรมในรูปแบบผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรจีนประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านงานวิจัยในสาขาต่างๆที่มีความเกี่ยวข้อกับการดูแลสุขมากมาย และหนึ่งในนั้นคือการรับรองจากวารสารชั้นนำด้านสุขภาพอย่างวารสารจามา (JAMA) ซึ่งเป็นวารสารของทางสมาคมการแพทย์อเมริกัน

และนี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานสัมมนาทางด้านการแพทย์ระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นโอกาสที่ดีของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวนานาชาติได้เข้าถึงอีกหนึ่งศาสตร์วิชาแพทย์ทางเลือกด้านโรคเกี่ยวกับเส้นลมปราณ และผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรจีนที่กำลังเป็นที่นิยมในระดับสากล

ผู้ร่วมสัมมนา

 เจี่ย เจินหวาน (JIA Zhenhua) 

นายกสมาคมการแพทย์แผนจีนแห่งประเทศไทย สาขาโรคจากเส้นลมปราณ 

นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข

รองศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี ไชยศุภรากุล

อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

อาจารย์ภัทระ แจ้งศิริเจริญ

ที่ปรึกษากฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และผู้ส่งคุณวุฒิในคณะกรรมการวิชาชีพ เข้าร่วมสัมนา ณ โรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์

Saturday, September 21, 2024

❝BKK-เรนเจอร์ YOUTHTHOPIA รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง! @ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ❞ 🥁🎵

กลับมาอีกครั้ง กับ การร่วมสร้างเมืองในฝันของเด็กและเยาวชนใน ‘เทศกาล BKK-เรนเจอร์ YOUTHTHOPIA  รวมพลังเด็ก’ ตั้งแต่วันที่  26-29 กันยายน 2567 @ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  ตั้งแต่เวลา 15.00 เป็นต้นไป!


📢 เปิดลงทะเบียนร่วมงานทั้งวัน และลุ้นรับของรางวัลที่ระลึกภายในงาน  


✨ พบกับเวที Main Stage ‘YOUTHTHOPIA!’ ที่ทุกคนรอคอย นักแสดง ศิลปินที่ชื่นชอบมาเวลาไหนไปดูกันเล้ยยย!


🟩 26 ก.ย. เวลา 15.00 เป็นต้นไป 🟩

📢 Main Stage  

- 17.00 -17.30  น. พิธีเปิดงาน  ปังๆ  อย่างเป็นทางการ 

- การแสดงโชว์ความสามารถ กับเมืองในฝันของเรา  Cover Dance / Talkshow  /วง Freedom school Band  /

✨✨✨Highlight +++   19.00 – 20.00 น.  พบกับ  Rainy  Room

📢 กิจกรรมห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 5 

18.00 - 18.30 น. การแสดงละครใบ้ จากทีม Urban Street Bangkok 

18.30 - 19.00 น. การแสดงละครใบ้ จาก BABYMIME SHOW


🟧 27 ก.ย. 15.00 เป็นต้นไป 🟧

 📢 Main Stage  รำไทย by New Gen (ครูแหม่ม) // Talk show   //  วง reborn // ละครใบ้ babymime

✨✨✨Highlight +++   19.15 – 20.00 น.  พบกับ  วง june

 

🟩 28 ก.ย. เวลา 15.00 เป็นต้นไป 🟩

📢 Main Stage   การแสดงดนตรีไทย // Talk show //  S.A. band และ S.A.wind Ensemble // Happy Time โดย Mime my show

✨✨✨Highlight +++   19.00 – 20.00 น.  พบกับ  Marc Tatchapon (มาร์ค ธัชพล)



🟧 29 ก.ย. 15.00 เป็นต้นไป 🟧

📢 Main Stage  

- เทควันโดแดนซ์  //  Talk show  // วงเตรียมอุดมศึกษา  //  Cover dance 

✨✨ Highlight +++ 19.00 – 20.00 น.     YourMOOD (full band)



และพลาดไม่ได้  ใครพลาดเสียดายสุดๆ กับ 4 ZONE  Youthtopia พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้

เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างกรุงเทพฯ ที่เหมาะสม*   จำลองเป็นพื้นที่ของเมืองที่เป็นเมืองที่ทุกคนเข้าถึง Happiness,

Safe space และExplore ourselve ได้แล้ว  อีกทั้งมีกิจกรรมที่น่าสนุกอีกมากมาย มาร่วมสร้างเมืองในฝันกัน  ชวนเพื่อนคุณไปพร้อมกัน! และที่สำคัญ เข้าร่วมกิจกรรมฟรี ตลอดงาน ปักหมุดไว้แล้วพบกัน!


📌 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร   https://maps.app.goo.gl/fpgJoAbC2N2d37cE6


#BKKเรนเจอร์ # YOUTHTHOPIA   #รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง #ศูนย์นันทนาการ 34 แห่ง#ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร#เทศกาลเด็กและเยาวชน


ททท. จัดงาน อะ’ลอง Uttaradit เปิดมุมมองใหม่จังหวัดอุตรดิตถ์ให้เป็นเมืองน่าลอง ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ วันที่ 20-22 กันยายนนี้

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์ (อะ’ลอง Uttaradit) ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2567 เวลา 15.00-21.00 น. ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ พาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวอุตรดิตถ์ ผ่าน 4 ประสบการณ์ ได้แก่ อะ’ลอง กิน, อะ’ลอง ดู, อะ’ลอง ทำ, อะ’ลอง Time พร้อมชวนเที่ยวอุตรดิตถ์เมืองน่าลองไปเที่ยว โดยพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เข้าร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด ในวันที่ 20 กันยายน 2567 ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ 

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยด้วยนโยบาย "IGNITE THAILAND’s TOURISM" โดยมีกลยุทธ์เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศไทย ทั้งนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว โดยมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ กิจกรรม รวมถึงศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในแง่มุมของความสร้างสรรค์ โดยจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ร่วมกับศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ Thailand Creative & Design Center (TCDC) ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือเรื่องโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (NEW TCDC) ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นได้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด ตลอดจนเป็นการยกระดับมาตรฐานการเชื่อมโยงภาคส่วนธุรกิจให้เข้าใกล้ชุมชนได้มากขึ้น อันจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนของภาคส่วนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมภาพลักษณ์อัตลักษณ์ของพื้นที่ ตลอดจนการพัฒนายกระดับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวมูลค่าสูง และนำเสนอมุมมองใหม่ในแง่ของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Tourism and the Creative Economy) ดังนั้น การจัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) ในครั้งนี้ จึงอยากจะนำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในแง่ต่าง ๆ ของอุตรดิตถ์ผ่านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับกิจกรรมท่องเที่ยว เพื่อสร้างการรับรู้แบบใหม่และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังจังหวัด

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การจัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) เป็นการสร้างการรับรู้กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมนันทนาการทางการท่องเที่ยว ด้วยแนวคิดเสน่ห์ไทย (Thailand Soft Power) 5 Must Do in Thailand นำเสนอเสน่ห์ไทย Must Taste : อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่นทั่วไทย Must See : ละลานตา วัฒนธรรมไทย Must Seek : Unseen ถิ่นน่าเที่ยว Must Buy : หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก และ Must Try :  สุดยอดกีฬา ท้าทายกายใจ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และต่อยอดกระแสการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเรียนรู้ ประสบการณ์ที่แตกต่างในการเดินทางท่องเที่ยวที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ไปสัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์ กิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ศิลปะ วัฒนธรรม หัตถศิลป์ สถาปัตยกรรม ด้านอาหาร เครื่องแต่งกาย และสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงค้นพบความสร้างสรรค์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่ง ททท. พร้อมต่อยอดส่งเสริมภาพลักษณ์ผ่านกลยุทธ์เสน่ห์ไทย (Thailand Soft Power) 5 Must Do @Uttaradit ยกระดับสินค้าและบริการทางท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ สินค้า GI  ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของชุมชนมาต่อยอดผ่านการเล่าเรื่องประสบการณ์ฯ เพื่อส่งต่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายผู้มีศักยภาพในการเดินทางสู่จังหวัดอุตรดิตถ์

“งาน อะ ’ลอง Uttaradit จะเปลี่ยนความคิดที่ว่า “อุตรดิตถ์เป็นเมืองรอง” ให้กลายเป็นเมืองน่าลอง โดยการหยิบเอาวัฒนธรรม อาหาร ศิลปะ และเรื่องราวจากเจ้าของพื้นที่มาถ่ายทอดอย่างสร้างสรรค์และเข้าถึงได้ง่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลองสัมผัสวิถีอุตรดิตถ์แบบแท้ ๆ ผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็น อะ’ลอง กิน : กับขันโตก น่าแล ที่รวมอาหารพื้นเมืองภาคเหนือ อีกทั้งของกินห้ามพลาดในอุตรดิตถ์ เช่น ข้าวพันผัก, ไส้กรอกใหญ่รสเด็ดพิชัย, หมี่พันลับแล อะ’ลอง ดู : การแสดงดนตรีสด, นิทรรศการศิลปะในโซน Art-taradit Creative Space และ วิดีโอคอนเทนต์ที่จะพาท่องเที่ยวอุตรดิตถ์ในมุมที่คิดไม่ถึงผ่าน 3 Influencer ชื่อดัง อะ’ลอง ทำ : Painting Workshop ระบายสีโปสการ์ดและจานดินเผา ที่นำเสนอความสร้างสรรค์แบบอุตรดิตถ์ ด้วยลายเส้นเฉพาะตัวจากมามะอาร์ตสเปซ อะ’ลอง Time : ชวนทุกคนมา ‘Take a ลอง time ใช้เวลาอีกนิด รู้จักอุตรดิตถ์ให้มากขึ้น’ เพลิดเพลินไปกับโซนต่าง ๆ 

ภายในงาน ที่แฝงไปด้วยอัตลักษณ์ของอุตรดิตถ์ พบกับร้านตลาดสินค้าสร้างสรรค์ ที่พาชาวเมืองอุตรดิตถ์มาเปิดหมู่บ้าน มัดรวมของดี ของเด็ดประจำจังหวัด อาทิ งานคราฟต์ อาหาร สินค้าท้องถิ่น ให้ทุกคนได้ ชม-ชิม-ช้อป และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่ชวนให้นักท่องเที่ยวมาลองใช้เวลาที่งาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) ในวันที่ 20-22 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 15:00-21:00 น. ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1672 Travel Buddy และศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ 065 525 4962 

“วราวุธ” ชู ผลสำเร็จ นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ดัน กระเสียวโมเดล สร้างรายได้-อาชีพมั่นคงให้กลุ่มเปราะบาง พร้อมเป็นพี่เลี้ยงชุมชนเข้มแข็งทั่วประเทศ

 

วันที่ 19 กันยายน 2567 ที่ อ.ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษในพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ประจำปีงบประมาณ 2567 (นิคม Next : กระเสียวโมเดล) โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน  นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และนางจตุพร โรจนพานิช ร่วมเป็นเกียรติ ที่นิคมสร้างตนเองกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี จากนั้น เดินทางไปเยี่ยมชมบ้านนางบังอร อ่อนคำสี ตัวอย่าง : การพัฒนาทุนมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 และการแก้ไขปัญหาความยากจนข้ามรุ่นให้กับสมาชิกนิคมและราษฎร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข อย่างมั่นคง นำไปสู่การสร้างสังคมคุณภาพที่เข้มแข็งและยั่งยืน 

นายวราวุธ กล่าวว่า โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” เกิดขึ้นภายใต้นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ ทุนทางสังคม พร้อมมอบโอกาสและสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อคนทุกช่วงวัย ผนวกกับการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ BCG โมเดล มาเป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ โดยใช้พื้นที่นิคมสร้างตนเองกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้นแบบในการพัฒนาทุกมิติทางสังคมและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการบูรณาการระหว่างหน่วยงานของกระทรวง พม. กับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และประชาชน พร้อมนำ “กระเสียวโมเดล” เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนด้านอาชีพและรายได้  เพื่อครอบครัวไทยที่เข้มแข็ง เป็นรากฐานที่มั่นคงให้กับสังคมไทยทั่วประเทศ

นายวราวุธ กล่าวว่า โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” ได้นายกนก วงษ์ตระหง่าน อดีตรองประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ผลักดันมาตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้มีโอกาสดำเนินตามนโยบายที่เราได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและที่ประชุมของสหประชาชาติ คือนโยบาย 5×5 ฝากวิกฤตประชากร ซึ่งประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ที่พูดถึงการเสริมพลังให้กับคนวัยทำงาน การดูแลเด็กเล็ก การเสริมพลังของผู้สูงอายุ การเสริมศักยภาพของคนพิการ รวมถึงการสร้างสังคมที่อบอุ่นและเอื้อให้กับมนุษย์รุ่นใหม่ในเรื่องการที่จะมีครอบครัวและมีทายาทต่อไปในอนาคต ซึ่งทั้ง 5 ยุทธศาสตร์รวมกันเป็นนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤติประชากร เป็นสิ่งที่ต้องบอกว่าเป็นการทำงานที่ต้องบูรณาการงานของหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน ที่แห่งนี้ที่เรายืนอยู่ ถือเป็นตัวอย่างเป็นการนำร่อง โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” ที่เป็นตัวอย่างให้อีกหลายๆ นิคมสร้างตนเองในประเทศไทย และอีกหลายชุมชน หลายจังหวัดทั่วประเทศว่าที่แห่งนี้เราสามารถพัฒนาจนกระทั่งทางพี่น้องประชาชนที่อยู่ในนิคมสร้างตนเองแห่งนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเดือนนับหมื่นบาท เรามีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ทำให้พี่น้องประชาชนนั้นสามารถดูแลเด็กประมาณเกือบ 30 ครอบครัว ทำให้เด็กของเรามีคุณภาพดีขึ้น โดยการพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจ เรามีการเสริมพลังให้กับพี่น้องคนสูงอายุและคนพิการจนกระทั่งสองกลุ่มนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบางนั้น ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางอีกต่อไป แต่ในทางกลับกันสร้างรายได้ให้ รวมถึงชุมชนแห่งนี้ และที่สำคัญที่สุดที่นิคมสร้างตนเองกระเสียวแห่งนี้ เราสามารถสร้างครอบครัวตัวอย่างได้หลายสิบครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันข้ามรุ่นเรียกว่าเป็นอินเตอร์เจนเนอเรชั่น เฮ้าส์ซิ่ง มีตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตา ทวด จนถึงลูกหลานเหลน และอยู่ร่วมกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นการสร้างสังคมที่มีความอบอุ่น มีความเข้มแข็งและพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 

“ดังนั้นวันนี้การทำงานของกระทรวง พม. ที่นิคมสร้างตนเองกระเสียวแห่งนี้ เป็นการทำงานภายใต้แนวคิดนโยบาย พม. หนึ่งเดียว และที่สำคัญกว่าจะทำถึงขนาดนี้ได้นั้น เป็นไปตามแนวทางที่ตนให้ไว้ตอนแรก คือ พม. ยกกำลังสอง เราทำงานด้วยกันทุกหน่วยงานและบูรณาการด้วยกัน และที่สำคัญ นอกจากนิคมสร้างตนเองกระเสียวจะเป็นพื้นที่ตัวอย่างแล้วเราจะขยายความสำเร็จนี้ไปอีกทุกๆ นิคมสร้างตนเองในประเทศไทย และ หากว่าชุมชนใดที่อยู่นอกเหนือการดูแลของนิคมสร้างตนเองนั้นอยากจะทำงานในลักษณะเดียวกันติดต่อมาได้ ที่กระทรวง พม.  เราจะให้ทีมงานของเราเป็นพี่เลี้ยงคอยดูให้คำแนะนำและทำอย่างไรเพื่อให้นโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร  ทำให้สังคมไทยนั้นมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น อบอุ่นมากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดจะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติประชากรที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ได้

นายวราวุธ กล่าวว่า การขับเคลื่อน โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงภายในพื้นที่หลายมิติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้  

1) มิติเศรษฐกิจ สมาชิกนิคมฯ ผู้ผลิตตะไคร้และขมิ้นชัน มีรายได้เพิ่มขึ้น 5,000 – 10,000 บาท/เดือน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรบ้านพุหวาย ได้องค์ความรู้การทำขนมเบเกอรี่ที่หลากหลาย สนับสนุนให้มีการรับรองมาตรฐานสินค้า ปรับปรุงแพ็คเกจ และหาตลาดรองรับร่วมกับเซ็นทรัล ทำให้มีรายได้เพิ่ม 300 – 500 บาท/คน รวมถึงมีการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุและคนพิการเลี้ยงจิ้งหรีด ทำให้มีรายได้เพิ่ม 500 – 4,000 บาท/คน

2) มิติสิ่งแวดล้อม สมาชิกนิคมฯ และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีน้ำบาดาลใช้เพื่อการเกษตร โดยวางระบบน้ำหยด ขนาด 60 ไร่ และ 500 ไร่ จำนวน 44 ราย รวมถึงสามารถปรับระบบป่านิเวศชุมชน 18 ไร่ ด้วยการปลูกกล้าไม้เศรษฐกิจ 7,200 ต้น พร้อมเติมเชื้อเห็ดเผาะ/เห็ดโคน ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีอาชีพและรายได้เสริม

3) มิติทางสังคม ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังหน่อไม้ได้รับการปรับปรุง ทำให้เด็ก 36 คน มีผลการประเมิน DSPM 100 % ตามแนวทาง High Scope ด้วยระบบ Active Learning นอกจากนี้ ยังมีเด็กและเยาวชนได้รับการพัฒนาเรื่องระเบียบวินัยและพัฒนาการ ผู้สูงอายุได้รับการดูแลครบถ้วนทั้ง 5 มิติ และเข้าถึงสวัสดิการ 100% ตลอดจนเกิดครอบครัวต้นแบบ 36 ครอบครัว ที่คนในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดี อบอุ่น รู้จักหน้าที่ และช่วยกันประกอบอาชีพกันมากขึ้น


#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียวรวมใจ #พม #กระเสียว #สุพรรณบุรี


Friday, September 13, 2024

คอนเสิร์ตการกุศล #SAVEเชียงราย คอนเสิร์ตแบ่งปันน้ำใจ ช่วยอุทกภัยเชียงราย @ปาร์คกิ้งทอยส์ (เกษตร-นวมินทร์)

 


ในวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย.นี้  17.00-02.00น ชมฟรี!

พบกับศิลปินจิตอาสา

-พี่เล็ก ฮิวโก้

-พี่ใหม่สิบล้อ

-ที สเกิ๊ต 

-พี่เป๊ก บลูสกาย

-MAD PACK IT

-เพลย์กราวน์

-B-KING

-SMILEY​ FARMER​ 

-THE SLAVES BAND

-PP-DREAMS

-เทวัญ GOLDRED

-NEVER GETS OLD

-NIKU KNO3

-BLACK CYANIDE

-NHO SNOBoq

& ศิลปิน  ส่งต่อความรัก จากค่าย 2 Degrees 

-ธันวา ฌณาวุฒิ  (The Golden Song )

-อาร์ม โต้รุ่ง 

-เดียร์ เดอะแมส 

-วิลล์ ธารา 

-พี่ นิราศบลู

-LOKEE RED LIGHT


เปิดรับบริจาคที่ 

ร้านปาร์คกิ้งทอยส์  

เกษตร-นวมินทร์ เท่านั้น ตั้งแต่ 17.00-02.00น. (ไม่รับบริจาคผ่านช่องทาง Online ใดๆ ทั้งนั้น)


หมายเหตุ : 

สิ่งที่รับบริจาค

เสื้อผ้า+ น้ำดื่ม+อาหารแห้ง +เงิน ร่วมสมทบช่วยพี่น้อง จ.เชียงรายประสบภัยน้ำท่วมหนัก


มีการประมูลของจากพี่ๆ ซิลลี่ฟู ส่งมาให้นะครับ

อีกมากมายจากพี่ๆ ศิลปิน


เราจะนำสิ่งของ+เงิน+รถลงไปบริจาค

ตรงกับพี่น้องผู้ประสบภัยครับ


หมายเหตุ สอบถามรายละเอียดและสื่อมวลชนลงทะเบียนร่วมงาน   เวลา 19.00 น. 


ติดต่อประสานงานสื่อมวลชน 

ต้น กมลเมศวร์  0863761186 

กบ 0967701447


Link คอนเสิร์ตการกุศล  #SAVEเชียงราย 

คอนเสิร์ตแบ่งปันน้ำใจ ช่วยอุทกภัยเชียงราย 


https://www.facebook.com/share/p/eg2Kin4e2deBMe6R/?mibextid=oFDknk