Showing posts with label #สดช#อูบุนนาค. Show all posts
Showing posts with label #สดช#อูบุนนาค. Show all posts

Thursday, August 25, 2022

สดช. แถลงผลการสำรวจ Thailand Digital Outlook โชว์ตัวเลขการพัฒนาดิจิทัลของประเทศ เน้นย้ำความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติดิจิทัลของประเทศ มุ่งเป้าให้ไทยทัดเทียมประเทศที่พัฒนาแล้ว


สดช. เผยผลสำรวจโครงการ Thailand Digital Outlook ประจำปี 2565 พบการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของ
ครัวเรือนไทย และสัดส่วนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของไทยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 พร้อมจับมือเอ็ดด้า และ สสช. นำข้อมูลมาใช้ประเมินผลการดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาดิจิทัลของประเทศ นำไปสู่การปฏิรูป


แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต ให้สามารถพัฒนาทัดเทียม
ได้เทียบเท่ากับนานาประเทศ

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการศึกษา Thailand Digital Outlook ประจำปี พ.ศ.2565 

 
ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ว่า การสัมมนาในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก และได้ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงฯ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ดำเนินการจัดเก็บ รวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดและสถิติด้านการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย โดยมุ่งหวังนำข้อมูลต่างๆ มาใช้สำหรับประเมินผลจากการดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาดิจิทัลของประเทศ

 


ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการมา และนำไปสู่การปฏิรูปแนวทาง
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศไทยต่อไปในอนาคต ให้สามารถพัฒนาทัดเทียมได้เทียบเท่ากับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้เคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้ว

“โครงการศึกษา Thailand Digital Outlook เป็นการดำเนินการต่อเนื่องของ สดช. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562
โดยในปี พ.ศ. 2565 นี้ นับเป็นปีที่ 4 ซึ่ง สดช. ได้ศึกษาตัวชี้วัดด้านดิจิทัลของประเทศ อ้างอิงตามกรอบมาตรฐานสากลที่องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือองค์การ OECD (The Organisation for Economic Co-operation and Development) กำหนดไว้ จำนวน 85 ตัวชี้วัด ครอบคลุม 8 มิติเชิงนโยบาย และดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดดังกล่าว ผ่านการสำรวจด้วยแบบสอบถาม 3 กลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน และหน่วยงานบริการปฐมภูมิ เช่น โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และอาศัยข้อมูลที่ได้รับจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สศด.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ฯลฯ มาใช้ประกอบการศึกษาในปีนี้

การสำรวจพบว่าตัวชี้วัดด้านดิจิทัลของประเทศส่วนใหญ่ดีขึ้นในทุกมิติ ได้แก่ มิติการเข้าถึง การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของครัวเรือนไทย อยู่ที่ 88.0 % เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีการเข้าถึง 85.2% มิติการใช้งาน สัดส่วนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของไทย 85.0% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา (84.3%) มิติสังคม สัดส่วนการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้สูงอายุ ช่วง 55-74 ปี ในปี พ.ศ. 2565 คิดเป็น 63.1% เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งอยู่แค่เพียง 48.8 % มิติความน่าเชื่อถือ ร้อยละผู้ประสบปัญหาถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล/ความเป็นส่วนตัว เท่ากับร้อยละ 3.4 ลดลง (ดีขึ้น) จากปี 2564 ซึ่งเคยมีค่าอยู่ที่ร้อยละ 6.3 มิติการเปิดเสรีของตลาด สัดส่วนผู้ประกอบการ

ที่มีการจำหน่ายสินค้า/บริการผ่านทางออนไลน์ไปตลาดต่างประเทศ ปี 2565 สูงถึง 26.3% เทียบกับปี 2564 ที่อยู่แค่ 3.2 % มิติการเติบโตและ
สภาพความเป็นอยู่ สัดส่วนของมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจดิจิทัล ปี 2564 คิดเป็น 50.90 % ของภาคอุตสาหกรรม ค่อนข้างใกล้เคียงกับปี 2563 ที่มีตัวเลขเท่ากับ 50.86% โดยตัวชี้วัดปี 2564 ที่มีค่าคงที่เท่ากับปี 2563 ได้แก่ มิติด้านนวัตกรรม มูลค่าการลงทุนในอุตสาหกรรม ICT ต่อ GDP คิดเป็น 3.32% และมิติอาชีพ สัดส่วนการจ้างงานของธุรกิจดิจิทัลต่อการจ้างงานทั้งหมดในประเทศไทย คิดเป็น 34.4% 

สำหรับประเด็นที่สำคัญที่พบจากผลการสำรวจฯ ประจำปี พ.ศ. 2565 พบว่า 1) การใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 85 โดยกลุ่มผู้ใช้งานหลัก ได้แก่ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานเอกชน นักศึกษา
2) ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยนโยบายที่ประชาชนต้องการ
มากที่สุด ได้แก่ บริการอินเทอร์เน็ตที่ไม่มีค่าใช้จ่าย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มการเข้าถึง
และการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 3) ร้อยละ 78.83 ของธุรกิจไทยมีการขายสินค้า/บริการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น และเริ่มบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น 4) ร้อยละ 95.17 ของหน่วยงานบริการปฐมภูมิ
ทั่วประเทศ มีการใช้งานและติดตั้งอินเทอร์เน็ต สำหรับใช้งานในองค์กร ติดต่อสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร และให้บริการออนไลน์ 5) ประชาชนไทยเกินกว่าครึ่ง มีทักษะดิจิทัลขั้นพื้นฐานที่จำเป็นและรองรับต่อการทำงาน
ในยุคดิจิทัล และจะต้องเตรียมความพร้อมได้รับการพัฒนาในทักษะที่รองรับต่ออนาคต เช่น การเขียนโปรแกรม (Coding) หรือการสร้างเว็บไซต์ และ 6) ปัญหาจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัลมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนหน้า แต่ปัญหาข่าวปลอม (Fake News) ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข ” นายชัยวุฒิฯ กล่าว

ด้าน นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า
การดำเนินโครงการศึกษา Thailand Digital Outlook ประจำปี พ.ศ. 2565 นี้ สดช. ได้สำรวจข้อมูลการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ครอบคลุมตัวชี้วัดตามกรอบ Digital Economy Outlook ของ OECD ตลอดจนศึกษาเพิ่มเติมในกรอบตัวชี้วัดที่สะท้อนบริบทของประเทศไทย อันจะช่วยให้ประเทศไทยมีข้อมูลที่สะท้อนภาพ Thailand Digital Outlook ที่เด่นชัด เห็นถึงจุดเด่นของการพัฒนาด้านดิจิทัลที่ประเทศไทยมี เปรียบเทียบกับนานาประเทศ ทราบถึงปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดที่จะต้องเร่งเข้าไปแก้ไข เพื่อขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นฐานข้อมูลตัวชี้วัดด้านดิจิทัลสำคัญที่
ทุกภาคส่วนจะสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้

“พร้อมกันนี้ ภายในงานได้จัดเวทีเสวนา หัวข้อ “Thailand Digital Outlook หัวใจสู่การขับเคลื่อนดิจิทัล
ไทยแลนด์” โดยวิทยากรรับเชิญจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ได้ร่วมกันพูดคุยหารือเกี่ยวกับการบูรณาการการสำรวจและการแลกเปลี่ยนข้อมูล Thailand Digital Outlook และการให้ความสำคัญกับการมีและใช้ประโยชน์จากข้อมูลสถิติและตัวชี้วัดต่างๆ
ที่หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน มีและจัดเก็บอยู่ เพื่อให้ทราบถึงประเด็นปัญหา อุปสรรค หรือข้อจำกัดของประเทศไทย ที่ต้องเร่งปรับปรุง แก้ไข หรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังพูดคุยถึงการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ และการดำเนินงานสำหรับการดำเนินโครงการศึกษา Thailand Digital Outlook ในอนาคตอีกด้วย” นายภุชพงค์ฯ กล่าว

==========================