นายเกรียงศักดิ์ บุญประสิทธิ์ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า การสวดโอ้เอ้วิหารราย นับเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่สรรค์สร้างขึ้นตั้งแต่ในครั้งอดีต ด้วยการนำกาพย์กลอนมาช่วยในการเรียนอ่านเขียนของเด็กขั้นปฐมวัย เพื่อเป็นการปูพื้นฐานการศึกษาร่ำเรียนในขั้นสูงต่อไป ช่วยให้เด็กและเยาวชนเข้าใจการใช้หลักภาษาไทยมากขึ้น ทั้งในเรื่องการอ่านและเขียน การออกเสียงพยัญชนะ สระและคำควบกล้ำ และยังมีการสอดแทรกคติธรรมในเนื้อเรื่องที่นำมาสวด อันเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมในการสืบทอดการสวดโอ้เอ้วิหารรายอันเป็นการสร้างค่านิยม จิตสำนึก ภูมิปัญญาของไทยให้แก่เยาวชนได้เรียนรู้และยึดถือปฏิบัติ กรมการศาสนาได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดโครงการฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารรายขึ้น ระหว่างวันที่ ๑๗ – ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ณ ห้อง Auditorium ชั้น G อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ZOOM) โดยจัดทำหลักสูตรและเตรียมความพร้อมให้กับครูผู้ฝึกสอนและนักเรียน จำนวน ๑๐๐ คน โดยเชิญคณะวิทยากรจากกรมศิลปากร พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการสวดโอ้เอ้วิหารรายมาบรรยายและแบ่งกลุ่มบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า การสวดโอ้เอ้วิหารรายถือเป็นธรรมเนียมทางวัฒนธรรมของไทยที่มีมาอย่างยาวนาน ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยได้ดำเนินงานโครงการฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารรายมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นมา มีการบูรณาการและประสานกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักพระราชวัง กรมศิลปากร วิทยาลัยนาฏศิลป กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อฝึกหัดและจัดหานักเรียนเข้าไปร่วมสวดโอ้เอ้วิหารราย ณ ศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาของทุกๆ ปี อันเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งปัจจุบันมีสถานศึกษาจำนวนมากให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการสวดโอ้เอ้วิหารราย และได้มีส่วนร่วมในการสืบสานธรรมเนียมการสวดโอ้เอ้วิหารรายที่กำลังจะเลือนหายไปจากสังคมไทยให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม อันแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ตลอดจนช่วยให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ครอบครัวและสังคมไทยสืบไป.
................................
No comments:
Post a Comment