Saturday, December 7, 2024

เชิดชูเกียรติ ทหารผ่านศึกเกาหลี และทายาท

 

บาทหลวง ปาร์ค ยอง ซาง  ประธานมูลนิธิร่มพระพรเพื่อเด็กและเยาวชน  ตั้งอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ  

ร่วมกับ ประธานหมู่บ้านสันติภาพสหประชาชาติ จากสาธารณรัฐเกาหลี  จัดทำเหรียญเชิดชูเกียรติ เพื่อนำมามอบให้แก่  ทหารผ่านศึกเกาหลี และทายาทที่มารับแทน  จำนวน 35 คน เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณทหารไทย ในอดีต

ที่ไปช่วยเกาหลีใต้ ทำสงครามในนาม สหประชาชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 ไปจำนวน 23 รุ่น  


และทหารไทย มีความเก่งกาจ อดทน จนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ 





 จนได้รับฉายาว่าเป็น  กองพันพยัคฆ์น้อย (Little Tiger) ความช่วยเหลือของชาวเกาหลี มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเปรียบเสมือน  "ไทย-เกาหลี  เป็นพี่น้อง ที่ไม่ทอดทิ้งกัน ชั่วนิรันดร์"



#สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กองทัพอากาศ ดอนเมือง

Tuesday, October 8, 2024

ชวนบริจาคโลหิต 10 ล้านซีซี ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

  



ความเป็นมาของการบริจาคโลหิตในไทย เกิดขึ้นในปี 2495 สภากาชาดไทยได้ดำเนินการจัดตั้ง ‘แผนกบริการโลหิต’ ขึ้นในกองวิทยาศาสตร์ และเริ่มมีการผลิตน้ำยา ACD บรรจุในขวดแก้ว โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต เป็นผู้บริจาคโลหิตหมายเลข 1 ของไทย

.


ในปัจจุบันแม้มีประชาชนบริจาคโลหิตไม่น้อย แต่ปริมาณเลือดในคลังเลือดยังมีความต้องการอยู่ จึงก่อให้เกิด ‘โครงการรวมน้ำใจ บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567’ และเชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิตได้ที่สภากาชาดไทย

.


การบริจาคโลหิตในแต่ละครั้ง สามารถบริจาคได้ครั้งละ 350-450 ซีซี หรือคิดเป็นร้อยละ 10-12 ของปริมาณโลหิตทั้งหมดในร่างกาย ทั้งนี้ประโยชน์ของการบริจาคโลหิตคือ ช่วยกระตุ้นการทำงานของไขกระดูกในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้ทราบหมู่โลหิตของตนเองในระบบ A B O และ Rh ช่วยให้มีระบบไหลเวียนโลหิตที่ดี และได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทำให้ผู้บริจาคมีความสุขในการเป็นผู้ให้

.


เลือด 1 ยูนิตจะเข้าสู่กระบวนการปั่นแยก เม็ดเลือดแดงจะอยู่ก้นถุง เกล็ดเลือดอยู่กลางถุง และพลาสมาอยู่ชั้นบนสุดของถุง ซึ่งจะถูกเก็บรักษาด้วยวิธีการต่างกันไป โดยเลือดที่เราบริจาค 1 ครั้ง สามารถช่วยได้ถึง 3 ชีวิต


แต่การบริจาคโลหิตในแต่ละครั้งต้องมีการคัดกรอง โดยผู้บริจาคต้องไม่เข้าข่ายดังต่อไปนี้

- หากถูกเข็มเปื้อนเลือดตำให้เว้นบริจาคเลือด 1 ปี

- หากมีคนในครอบครัวเป็นตับอักเสบให้เว้น 1 ปี

- หากถูกควบคุมตัวหรือจองจำในเรือนจำมากกว่า 72 ชั่วโมง ให้เว้น 1 ปี 

- ผู้ที่เข้าไปในพื้นที่มาลาเรียชุกชุมให้เว้น 1 ปี หากเป็นโรคมาลาเรียให้เว้น 3 ปี

- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ให้งดบริจาคจนกว่าจะทราบสาเหตุ 

- ผู้ที่เคยพำนักอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ สามารถบริจาคโลหิตชนิด Whole Blood โดยโลหิตบริจาคที่ได้ต้องถูกนำไปผลิตส่วนประกอบโลหิตชนิดลดเม็ดเลือดขาวเท่านั้น (leukocyte-depleted) โดยที่

ผลิตภัณฑ์เม็ดเลือดแดง (LDPRC) สามารถนำไปให้ผู้ป่วยได้ แต่หากเคยป่วยหรือมีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรค CJD(โรควัวบ้า) ให้งดบริจาคถาวร 

.


ทั้งนี้หากเป็นผู้บริจาคโลหิต นอกจากจะได้เป็นผู้ให้แล้ว เรายังได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

- ผู้บริจาคโลหิต 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพิเศษ และค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50 

- ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล 100% ค่าห้องพิเศษและค่าอาหารได้ร้อยละ 50 

- ผู้บริจาคโลหิต 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ ‘ขอพระราชทานเพลิงศพ’ ได้เป็นกรณีพิเศษ 

- ผู้ที่มาบริจาคโลหิตจะได้รับเข็มกลัดที่ระลึก สำหรับคนที่มาบริจาคโลหิตครบ 50 ครั้ง จะได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้น 3 พร้อมใบประกาศกำกับเหรียญกาชาดสมนาคุณ 

- หากบริจาคเลือดครบ 75 ครั้ง ก็จะได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้น 2 พร้อมใบประกาศกำกับเหรียญกาชาดสมนาคุณ 

- หากบริจาคโลหิตครบ 100 ครั้ง จะได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้น 1 พร้อมใบประกาศกำกับเหรียญกาชาดสมนาคุณ

.

ผู้ต้องการบริจาคโลหิตควรศึกษาข้อมูล ดูแลร่างกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

.

Thursday, October 3, 2024

ดีป้า ลุยต่อกิจกรรม Coding Inspire กระตุ้นเยาวชนเข้าถึงโค้ดดิ้งเท่าเทียมและทั่วถึง ภายใต้ โครงการ Coding for Better Life ‘สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย’

 


1 ตุลาคม 2567, กรุงเทพมหานคร – ดีป้า สานต่อจัดกิจกรรม Coding Inspire ภายใต้ โครงการ Coding for Better Life ‘สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย’ - จำลองห้องเรียนโค้ดดิ้ง สู่ Coding Classroom Showcase และ Workshop เข้มข้น เติมทักษะ Coding เสริมแรงบันดาลใจในการพัฒนาทักษะโค้ดดิ้งคนทุกวัย ใน 4 จังหวัด นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ต่อด้วย กรุงเทพมหานคร และ เชียงใหม่

นายจักกนิตต์ คณานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เป็นประธานเปิดกิจกรรม Coding Inspire กรุงเทพมหานคร กิจกรรมภายใต้โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารสถานศึกษา ครู และ นักเรียน เข้าร่วมกิจกรรม ณ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์


นายจักกนิตต์ กล่าวว่า ดีป้า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะโค้ดดิ้งแก่เยาวชนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อวางรากฐานทักษะดิจิทัลแห่งอนาคตให้แก่เยาวชน ตลอดจนบรรเทาปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัล


ของประเทศในระยะยาว สำหรับโครงการ Coding for Better Life ‘สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย’ ดีป้า ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 มีโรงเรียนผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจากทั่วประเทศทั้งสิ้น 1,500 แห่ง ซึ่งโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนั้น ดีป้า ได้ร่วมยกระดับห้องเรียนโค้ดดิ้ง สนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอน ควบคู่กับการยกระดับทักษะการสอนโค้ดดิ้งคุณครู และได้เข้าร่วมกิจกรรม Coding Bootcamp ที่ให้ครูและนักเรียนได้เติมเต็มศักยภาพ สร้างสรรค์ผลงานโค้ดดิ้ง และได้ประลองฝีมือเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของทีมโค้ดดิ้งประเทศไทยในการแข่งขัน Coding War ที่แข่งขันเสร็จสิ้นไปเมื่อ 15 กันยายน ที่ผ่านมา สำหรับกิจกรรม Coding Inspire นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะกระตุ้นการสร้างการตระหนักรู้สำหรับเยาวชน บุคลากรทางการศึกษา และ ประชาชนทั่วไปให้เห็นถึงความสำคัญของทักษะโค้ดดิ้งอย่างทั่วถึง

“กิจกรรม Coding Inspire ครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมรอบที่ 3 กรุงเทพมหานคร หลังจากได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกิจกรรมในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช และภาคอีสาน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งกิจกรรม Coding Inspire  แบ่งรูปแบบงานออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย Coding Classroom Showcase นิทรรศการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นการจำลองห้องเรียนโค้ดดิ้งในโรงเรียนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการฯ โดยมีบอร์ดความรู้โค้ดดิ้ง โชว์เคสเพื่อเปิดประสบการณ์ด้านดิจิทัล และ การบรรยายพิเศษในหัวข้อ Introduction to Coding with Micro Bit, สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าแรงบันดาลใจสร้างคนดิจิทัล, Robotic Coding with Micro Bit, Natural Language Processing with Micro Bit และ IoT Coding with Micro Bit ณ โซน MUNx2 ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ สำหรับอีกส่วนเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ "Workshop Swift Coding Club” ณ โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น” นายจักกนิตต์ กล่าว


สำหรับกิจกรรม Coding Inspire จะจัดขึ้นอีก 1 ครั้ง รอบจังหวัดเชียงใหม่ ณ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ลานกิจกรรม ชั้น G และ ห้องสุพรรณิการ์ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์น

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือติดตามรายละเอียดและข่าวสารต่าง ๆ ของโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ได้ทาง www.depa.or.th , codingforbetterlife.com และเฟซบุ๊กเพจ depa Thailand และ CodingThailand by depa

Tuesday, September 24, 2024

Schedule of The 20th International Congress on Luobing Theory Overseas Forum หรืองานสัมนาวิชาการเกี่ยวกับโรคจากเส้นลมปราณนานาชาติ ครั้งที่ 20

 

ซึ่งโดยโครงสร้างหลักจะเป็นการจัดให้มีการสัมมนาและจัดการประชุมในวาระโรคจากเส้นลมปราณหรือโรคลั่วระดับนานาชาติใน โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์จัดขึ้น

: เพื่อส่งเสริม การควบคู่กับพัฒนาการแพทย์แผนจีนในประเทศไทย

: เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ของโรคที่เกี่ยวกับเส้นลมปราณ หรือการรักษาโรคหรือการบรรเทาการโรคที่เกี่ยวกับเส้นลมปราณ ซึ่งมีขั้นตอนการรักษาหรือบรรเทาอาการเป็นหลักสูตรที่ชัดเจน

 


ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในโลก นอกเหนือจากจีนที่ออกกฎหมายการแพทย์แผนจีน ซึ่งถือการแพทย์แผนจีนได้รับความนิยมอย่างในประเทศไทย



โดยผู้ที่เข้าร่วมงานสัมมนาในวาระนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในวงการแพทย์ของไทยและระดับนานาชาติรวม กว่า 13 ชาติ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ 

รวมไปถึงอาจารย์และนักวิชาการด้านการแพทย์แผนจีนจากประเทศจีนและไทย เภสัชกร ร่วมด้วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมและคณะ เข้าร่วมการประชุมในวาระนี้ด้วย

คุณธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ 

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข

และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ได้รับความสนใจภายในงานนี้คือผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพ “ริมลอค”  นวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมการดูแลทั้งระบบเลือด หัวใจ รวมไปผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ซึ่งส่งผลให้เกิดหลายอาการที่พบว่าเป็นปัญหาได้บ่อยกับคนในหลายกลุ่มวัยในปัจจุบัน อาทิ อาการนอนไม่หลับ ใจสั่น หายใจลำบาก อ่อนแรง เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย เหงื่อออกตอนกลางคืน เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะเป็นอีกทางเลือกให้กับประชาชน

นอกจากนี้ภายในงานยังมีให้จัดแสดงข้อมูลด้านนวัตกรรมในรูปแบบผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรจีนประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านงานวิจัยในสาขาต่างๆที่มีความเกี่ยวข้อกับการดูแลสุขมากมาย และหนึ่งในนั้นคือการรับรองจากวารสารชั้นนำด้านสุขภาพอย่างวารสารจามา (JAMA) ซึ่งเป็นวารสารของทางสมาคมการแพทย์อเมริกัน

และนี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานสัมมนาทางด้านการแพทย์ระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นโอกาสที่ดีของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวนานาชาติได้เข้าถึงอีกหนึ่งศาสตร์วิชาแพทย์ทางเลือกด้านโรคเกี่ยวกับเส้นลมปราณ และผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรจีนที่กำลังเป็นที่นิยมในระดับสากล

ผู้ร่วมสัมมนา

 เจี่ย เจินหวาน (JIA Zhenhua) 

นายกสมาคมการแพทย์แผนจีนแห่งประเทศไทย สาขาโรคจากเส้นลมปราณ 

นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข

รองศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี ไชยศุภรากุล

อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

อาจารย์ภัทระ แจ้งศิริเจริญ

ที่ปรึกษากฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และผู้ส่งคุณวุฒิในคณะกรรมการวิชาชีพ เข้าร่วมสัมนา ณ โรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์

Saturday, September 21, 2024

❝BKK-เรนเจอร์ YOUTHTHOPIA รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง! @ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ❞ 🥁🎵

กลับมาอีกครั้ง กับ การร่วมสร้างเมืองในฝันของเด็กและเยาวชนใน ‘เทศกาล BKK-เรนเจอร์ YOUTHTHOPIA  รวมพลังเด็ก’ ตั้งแต่วันที่  26-29 กันยายน 2567 @ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  ตั้งแต่เวลา 15.00 เป็นต้นไป!


📢 เปิดลงทะเบียนร่วมงานทั้งวัน และลุ้นรับของรางวัลที่ระลึกภายในงาน  


✨ พบกับเวที Main Stage ‘YOUTHTHOPIA!’ ที่ทุกคนรอคอย นักแสดง ศิลปินที่ชื่นชอบมาเวลาไหนไปดูกันเล้ยยย!


🟩 26 ก.ย. เวลา 15.00 เป็นต้นไป 🟩

📢 Main Stage  

- 17.00 -17.30  น. พิธีเปิดงาน  ปังๆ  อย่างเป็นทางการ 

- การแสดงโชว์ความสามารถ กับเมืองในฝันของเรา  Cover Dance / Talkshow  /วง Freedom school Band  /

✨✨✨Highlight +++   19.00 – 20.00 น.  พบกับ  Rainy  Room

📢 กิจกรรมห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 5 

18.00 - 18.30 น. การแสดงละครใบ้ จากทีม Urban Street Bangkok 

18.30 - 19.00 น. การแสดงละครใบ้ จาก BABYMIME SHOW


🟧 27 ก.ย. 15.00 เป็นต้นไป 🟧

 📢 Main Stage  รำไทย by New Gen (ครูแหม่ม) // Talk show   //  วง reborn // ละครใบ้ babymime

✨✨✨Highlight +++   19.15 – 20.00 น.  พบกับ  วง june

 

🟩 28 ก.ย. เวลา 15.00 เป็นต้นไป 🟩

📢 Main Stage   การแสดงดนตรีไทย // Talk show //  S.A. band และ S.A.wind Ensemble // Happy Time โดย Mime my show

✨✨✨Highlight +++   19.00 – 20.00 น.  พบกับ  Marc Tatchapon (มาร์ค ธัชพล)



🟧 29 ก.ย. 15.00 เป็นต้นไป 🟧

📢 Main Stage  

- เทควันโดแดนซ์  //  Talk show  // วงเตรียมอุดมศึกษา  //  Cover dance 

✨✨ Highlight +++ 19.00 – 20.00 น.     YourMOOD (full band)



และพลาดไม่ได้  ใครพลาดเสียดายสุดๆ กับ 4 ZONE  Youthtopia พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้

เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างกรุงเทพฯ ที่เหมาะสม*   จำลองเป็นพื้นที่ของเมืองที่เป็นเมืองที่ทุกคนเข้าถึง Happiness,

Safe space และExplore ourselve ได้แล้ว  อีกทั้งมีกิจกรรมที่น่าสนุกอีกมากมาย มาร่วมสร้างเมืองในฝันกัน  ชวนเพื่อนคุณไปพร้อมกัน! และที่สำคัญ เข้าร่วมกิจกรรมฟรี ตลอดงาน ปักหมุดไว้แล้วพบกัน!


📌 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร   https://maps.app.goo.gl/fpgJoAbC2N2d37cE6


#BKKเรนเจอร์ # YOUTHTHOPIA   #รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง #ศูนย์นันทนาการ 34 แห่ง#ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร#เทศกาลเด็กและเยาวชน


ททท. จัดงาน อะ’ลอง Uttaradit เปิดมุมมองใหม่จังหวัดอุตรดิตถ์ให้เป็นเมืองน่าลอง ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ วันที่ 20-22 กันยายนนี้

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์ (อะ’ลอง Uttaradit) ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2567 เวลา 15.00-21.00 น. ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ พาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวอุตรดิตถ์ ผ่าน 4 ประสบการณ์ ได้แก่ อะ’ลอง กิน, อะ’ลอง ดู, อะ’ลอง ทำ, อะ’ลอง Time พร้อมชวนเที่ยวอุตรดิตถ์เมืองน่าลองไปเที่ยว โดยพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เข้าร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด ในวันที่ 20 กันยายน 2567 ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ 

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยด้วยนโยบาย "IGNITE THAILAND’s TOURISM" โดยมีกลยุทธ์เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศไทย ทั้งนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว โดยมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ กิจกรรม รวมถึงศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในแง่มุมของความสร้างสรรค์ โดยจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ร่วมกับศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ Thailand Creative & Design Center (TCDC) ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือเรื่องโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (NEW TCDC) ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นได้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด ตลอดจนเป็นการยกระดับมาตรฐานการเชื่อมโยงภาคส่วนธุรกิจให้เข้าใกล้ชุมชนได้มากขึ้น อันจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนของภาคส่วนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมภาพลักษณ์อัตลักษณ์ของพื้นที่ ตลอดจนการพัฒนายกระดับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวมูลค่าสูง และนำเสนอมุมมองใหม่ในแง่ของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Tourism and the Creative Economy) ดังนั้น การจัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) ในครั้งนี้ จึงอยากจะนำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในแง่ต่าง ๆ ของอุตรดิตถ์ผ่านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับกิจกรรมท่องเที่ยว เพื่อสร้างการรับรู้แบบใหม่และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังจังหวัด

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การจัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) เป็นการสร้างการรับรู้กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมนันทนาการทางการท่องเที่ยว ด้วยแนวคิดเสน่ห์ไทย (Thailand Soft Power) 5 Must Do in Thailand นำเสนอเสน่ห์ไทย Must Taste : อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่นทั่วไทย Must See : ละลานตา วัฒนธรรมไทย Must Seek : Unseen ถิ่นน่าเที่ยว Must Buy : หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก และ Must Try :  สุดยอดกีฬา ท้าทายกายใจ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และต่อยอดกระแสการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเรียนรู้ ประสบการณ์ที่แตกต่างในการเดินทางท่องเที่ยวที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ไปสัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์ กิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ศิลปะ วัฒนธรรม หัตถศิลป์ สถาปัตยกรรม ด้านอาหาร เครื่องแต่งกาย และสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงค้นพบความสร้างสรรค์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่ง ททท. พร้อมต่อยอดส่งเสริมภาพลักษณ์ผ่านกลยุทธ์เสน่ห์ไทย (Thailand Soft Power) 5 Must Do @Uttaradit ยกระดับสินค้าและบริการทางท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ สินค้า GI  ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของชุมชนมาต่อยอดผ่านการเล่าเรื่องประสบการณ์ฯ เพื่อส่งต่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายผู้มีศักยภาพในการเดินทางสู่จังหวัดอุตรดิตถ์

“งาน อะ ’ลอง Uttaradit จะเปลี่ยนความคิดที่ว่า “อุตรดิตถ์เป็นเมืองรอง” ให้กลายเป็นเมืองน่าลอง โดยการหยิบเอาวัฒนธรรม อาหาร ศิลปะ และเรื่องราวจากเจ้าของพื้นที่มาถ่ายทอดอย่างสร้างสรรค์และเข้าถึงได้ง่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลองสัมผัสวิถีอุตรดิตถ์แบบแท้ ๆ ผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็น อะ’ลอง กิน : กับขันโตก น่าแล ที่รวมอาหารพื้นเมืองภาคเหนือ อีกทั้งของกินห้ามพลาดในอุตรดิตถ์ เช่น ข้าวพันผัก, ไส้กรอกใหญ่รสเด็ดพิชัย, หมี่พันลับแล อะ’ลอง ดู : การแสดงดนตรีสด, นิทรรศการศิลปะในโซน Art-taradit Creative Space และ วิดีโอคอนเทนต์ที่จะพาท่องเที่ยวอุตรดิตถ์ในมุมที่คิดไม่ถึงผ่าน 3 Influencer ชื่อดัง อะ’ลอง ทำ : Painting Workshop ระบายสีโปสการ์ดและจานดินเผา ที่นำเสนอความสร้างสรรค์แบบอุตรดิตถ์ ด้วยลายเส้นเฉพาะตัวจากมามะอาร์ตสเปซ อะ’ลอง Time : ชวนทุกคนมา ‘Take a ลอง time ใช้เวลาอีกนิด รู้จักอุตรดิตถ์ให้มากขึ้น’ เพลิดเพลินไปกับโซนต่าง ๆ 

ภายในงาน ที่แฝงไปด้วยอัตลักษณ์ของอุตรดิตถ์ พบกับร้านตลาดสินค้าสร้างสรรค์ ที่พาชาวเมืองอุตรดิตถ์มาเปิดหมู่บ้าน มัดรวมของดี ของเด็ดประจำจังหวัด อาทิ งานคราฟต์ อาหาร สินค้าท้องถิ่น ให้ทุกคนได้ ชม-ชิม-ช้อป และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่ชวนให้นักท่องเที่ยวมาลองใช้เวลาที่งาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) ในวันที่ 20-22 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 15:00-21:00 น. ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1672 Travel Buddy และศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ 065 525 4962 

“วราวุธ” ชู ผลสำเร็จ นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ดัน กระเสียวโมเดล สร้างรายได้-อาชีพมั่นคงให้กลุ่มเปราะบาง พร้อมเป็นพี่เลี้ยงชุมชนเข้มแข็งทั่วประเทศ

 

วันที่ 19 กันยายน 2567 ที่ อ.ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษในพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ประจำปีงบประมาณ 2567 (นิคม Next : กระเสียวโมเดล) โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน  นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และนางจตุพร โรจนพานิช ร่วมเป็นเกียรติ ที่นิคมสร้างตนเองกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี จากนั้น เดินทางไปเยี่ยมชมบ้านนางบังอร อ่อนคำสี ตัวอย่าง : การพัฒนาทุนมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 และการแก้ไขปัญหาความยากจนข้ามรุ่นให้กับสมาชิกนิคมและราษฎร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข อย่างมั่นคง นำไปสู่การสร้างสังคมคุณภาพที่เข้มแข็งและยั่งยืน 

นายวราวุธ กล่าวว่า โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” เกิดขึ้นภายใต้นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ ทุนทางสังคม พร้อมมอบโอกาสและสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อคนทุกช่วงวัย ผนวกกับการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ BCG โมเดล มาเป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ โดยใช้พื้นที่นิคมสร้างตนเองกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้นแบบในการพัฒนาทุกมิติทางสังคมและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการบูรณาการระหว่างหน่วยงานของกระทรวง พม. กับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และประชาชน พร้อมนำ “กระเสียวโมเดล” เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนด้านอาชีพและรายได้  เพื่อครอบครัวไทยที่เข้มแข็ง เป็นรากฐานที่มั่นคงให้กับสังคมไทยทั่วประเทศ

นายวราวุธ กล่าวว่า โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” ได้นายกนก วงษ์ตระหง่าน อดีตรองประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ผลักดันมาตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้มีโอกาสดำเนินตามนโยบายที่เราได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและที่ประชุมของสหประชาชาติ คือนโยบาย 5×5 ฝากวิกฤตประชากร ซึ่งประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ที่พูดถึงการเสริมพลังให้กับคนวัยทำงาน การดูแลเด็กเล็ก การเสริมพลังของผู้สูงอายุ การเสริมศักยภาพของคนพิการ รวมถึงการสร้างสังคมที่อบอุ่นและเอื้อให้กับมนุษย์รุ่นใหม่ในเรื่องการที่จะมีครอบครัวและมีทายาทต่อไปในอนาคต ซึ่งทั้ง 5 ยุทธศาสตร์รวมกันเป็นนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤติประชากร เป็นสิ่งที่ต้องบอกว่าเป็นการทำงานที่ต้องบูรณาการงานของหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน ที่แห่งนี้ที่เรายืนอยู่ ถือเป็นตัวอย่างเป็นการนำร่อง โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” ที่เป็นตัวอย่างให้อีกหลายๆ นิคมสร้างตนเองในประเทศไทย และอีกหลายชุมชน หลายจังหวัดทั่วประเทศว่าที่แห่งนี้เราสามารถพัฒนาจนกระทั่งทางพี่น้องประชาชนที่อยู่ในนิคมสร้างตนเองแห่งนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเดือนนับหมื่นบาท เรามีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ทำให้พี่น้องประชาชนนั้นสามารถดูแลเด็กประมาณเกือบ 30 ครอบครัว ทำให้เด็กของเรามีคุณภาพดีขึ้น โดยการพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจ เรามีการเสริมพลังให้กับพี่น้องคนสูงอายุและคนพิการจนกระทั่งสองกลุ่มนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบางนั้น ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางอีกต่อไป แต่ในทางกลับกันสร้างรายได้ให้ รวมถึงชุมชนแห่งนี้ และที่สำคัญที่สุดที่นิคมสร้างตนเองกระเสียวแห่งนี้ เราสามารถสร้างครอบครัวตัวอย่างได้หลายสิบครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันข้ามรุ่นเรียกว่าเป็นอินเตอร์เจนเนอเรชั่น เฮ้าส์ซิ่ง มีตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตา ทวด จนถึงลูกหลานเหลน และอยู่ร่วมกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นการสร้างสังคมที่มีความอบอุ่น มีความเข้มแข็งและพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 

“ดังนั้นวันนี้การทำงานของกระทรวง พม. ที่นิคมสร้างตนเองกระเสียวแห่งนี้ เป็นการทำงานภายใต้แนวคิดนโยบาย พม. หนึ่งเดียว และที่สำคัญกว่าจะทำถึงขนาดนี้ได้นั้น เป็นไปตามแนวทางที่ตนให้ไว้ตอนแรก คือ พม. ยกกำลังสอง เราทำงานด้วยกันทุกหน่วยงานและบูรณาการด้วยกัน และที่สำคัญ นอกจากนิคมสร้างตนเองกระเสียวจะเป็นพื้นที่ตัวอย่างแล้วเราจะขยายความสำเร็จนี้ไปอีกทุกๆ นิคมสร้างตนเองในประเทศไทย และ หากว่าชุมชนใดที่อยู่นอกเหนือการดูแลของนิคมสร้างตนเองนั้นอยากจะทำงานในลักษณะเดียวกันติดต่อมาได้ ที่กระทรวง พม.  เราจะให้ทีมงานของเราเป็นพี่เลี้ยงคอยดูให้คำแนะนำและทำอย่างไรเพื่อให้นโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร  ทำให้สังคมไทยนั้นมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น อบอุ่นมากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดจะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติประชากรที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ได้

นายวราวุธ กล่าวว่า การขับเคลื่อน โครงการนิคม Next หรือ “กระเสียวโมเดล” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงภายในพื้นที่หลายมิติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้  

1) มิติเศรษฐกิจ สมาชิกนิคมฯ ผู้ผลิตตะไคร้และขมิ้นชัน มีรายได้เพิ่มขึ้น 5,000 – 10,000 บาท/เดือน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรบ้านพุหวาย ได้องค์ความรู้การทำขนมเบเกอรี่ที่หลากหลาย สนับสนุนให้มีการรับรองมาตรฐานสินค้า ปรับปรุงแพ็คเกจ และหาตลาดรองรับร่วมกับเซ็นทรัล ทำให้มีรายได้เพิ่ม 300 – 500 บาท/คน รวมถึงมีการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุและคนพิการเลี้ยงจิ้งหรีด ทำให้มีรายได้เพิ่ม 500 – 4,000 บาท/คน

2) มิติสิ่งแวดล้อม สมาชิกนิคมฯ และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีน้ำบาดาลใช้เพื่อการเกษตร โดยวางระบบน้ำหยด ขนาด 60 ไร่ และ 500 ไร่ จำนวน 44 ราย รวมถึงสามารถปรับระบบป่านิเวศชุมชน 18 ไร่ ด้วยการปลูกกล้าไม้เศรษฐกิจ 7,200 ต้น พร้อมเติมเชื้อเห็ดเผาะ/เห็ดโคน ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีอาชีพและรายได้เสริม

3) มิติทางสังคม ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังหน่อไม้ได้รับการปรับปรุง ทำให้เด็ก 36 คน มีผลการประเมิน DSPM 100 % ตามแนวทาง High Scope ด้วยระบบ Active Learning นอกจากนี้ ยังมีเด็กและเยาวชนได้รับการพัฒนาเรื่องระเบียบวินัยและพัฒนาการ ผู้สูงอายุได้รับการดูแลครบถ้วนทั้ง 5 มิติ และเข้าถึงสวัสดิการ 100% ตลอดจนเกิดครอบครัวต้นแบบ 36 ครอบครัว ที่คนในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดี อบอุ่น รู้จักหน้าที่ และช่วยกันประกอบอาชีพกันมากขึ้น


#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียวรวมใจ #พม #กระเสียว #สุพรรณบุรี